“เปลี่ยนยางรถยนต์” เรื่องสำคัญที่ผู้ใช้รถทุกคนควรรู้

เปลี่ยนยางรถยนต์

“เปลี่ยนยางรถยนต์” เรื่องสำคัญที่ผู้ใช้รถทุกคนควรรู้

การเปลี่ยนยางรถยนต์​นั้นเป็นเรื่องที่เจ้าของรถหลายคนไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร​ แต่ในความเป็นจริงแล้วยางรถยนต์เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ไม่ได้มีหน้าที่ในการช่วยขับเคลื่อนตัวรถเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ในการรองรับน้ำหนักและยังช่วยลดแรงกระแทกจากการสั่นสะเทือนในระหว่างขับขี่อีกด้วย

ดังนั้นผู้ใช้งานจึงจำเป็นต้องดูแลรักษายางให้ดี และเปลี่ยนยางรถยนต์เมื่อถึงเวลา เพื่อความปลอดภัยและสมรรถนะที่ดีที่สุดในการขับขี่

จะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่ถึงควรเปลี่ยนยางรถยนต์?

หลายคนอาจจะกำลังกังวลและสงสัยว่าแท้จริงแล้วยางรถยนต์​นั้นมีอายุการใช้งานเท่าไหร่​ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่ที่เราควรเปลี่ยนยางรถยนต์​

ซึ่งโดยปกติ​แล้วยางรถยนต์​จะมีอายุอยู่ที่​ 2-5 ปี​ หรือผ่านการวิ่งไปแล้วประมาณ​ 30,000 – 40,000 กิโลเมตร​ ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อนก็อนุมานได้เลยว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางได้แล้ว

นอกจากนี้เจ้าของรถยังควรต้องเช็กสภาพยางอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อดูว่ายางรถยนต์มีการเสื่อมสภาพหรือมีการสึกหรอหรือไม่

การติดตั้งยาง

วิธีการเช็กสภาพยางรถยนต์​เบื้องต้นด้วยตัวเอง

ถึงแม้ว่ายางรถยนต์นั้นจะมีจะมีอายุการใช้งานได้นานถึง 3-5 ปี แต่บางครั้งเราก็อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนยางก่อนถึงอายุการใช้งาน ถ้าหากตรวจพบสัญญาณเตือนเหล่านี้

– ดอกยางเหลือน้อยเกินไป 

สำหรับการตรวจเช็กดอกยางเบื้องต้นนั้นสามารถทำง่ายๆ​ โดยการสังเกตด้วยตาเปล่า​ว่าดอกยางของคุณนั้นมีร่องรอยการสึกหรอ​มากกว่าปกติ​หรือไม่​ โดยดูได้บริเวณ​สะพานยาง​ หรือส่วนที่เป็นสันนูนที่ร่องยาง​ 

หากเหลือต่ำกว่า​ 1.6 มิลลิเมตร​ ก็แปลว่าถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องเปลี่ยนยางรถยนต์​เส้นใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงในการขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิ่งบนถนนที่มีสภาพเปียกในช่วงหน้าฝน

– แก้มยางมีรอยแตก หรือมีการฉีกขาด

บางครั้งการขับขี่บนเส้นทางที่ขรุขระนั้นอาจทำให้ยางรถยนต์เกิดรอยแผลได้ ลองสังเกตรอยปริ หรือร่องรอยการฉีกขาดบริเวณแก้มยาง โดยใช้ลูบบริเวณแก้มยางดู หากเป็นรอยแตก หรือรอยฉีกขาดขนาดใหญ่ก็อาจสามารถมองเห็นได้ทันทีด้วยตาเปล่า

หากพบเห็นว่าบริเวณยากมีรอยในลักษณะดังกล่าวควรทำการเปลี่ยนยางทันที เพราะหากใช้งานต่อไปยางอาจส่งผลให้ยางระเบิดได้

– ยางบวม

ยางรถยนต์บวมนั้นสามารถสังเกตได้ง่ายมาก เนื่องจากตัวยางจะมีลักษณะบวม ปูด หรือนูนออกมาจากรูปยางปกติอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาการยางบวมนั้นสามารถเป็นได้ทั้งส่วนหน้ายางและแก้มยาง

ซึ่งหากยางมีความผิดปกติเช่นนี้ เจ้าของรถไม่ควรฝืนขับต่อ ควรรีบเปลี่ยนยางรถยนต์ทันที เพราะอาจทำให้รถเสียการทรงตัวจนเกิดอุบัติเหตุได้

– เนื้อยางแข็งกระด้างกว่าปกติ

อีกหนึ่งวิธีในการตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์ด้วยตัวเองก็คือการสังเกตที่เนื้อยาง​ หากหน้ายังมีความแข็งกระด้างมากกว่าปกติหรือลองเอาเล็บจิกเข้าไปแล้วไม่ทิ้งรอยเล็บ อาจจะหมายความว่าหน้ายางหมดอายุแล้ว​ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ควรที่จะเปลี่ยนยางเส้นใหม่​ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะมีผลต่อการขับขี่​ ทำให้การเบรกนั้นมีประสิทธิภาพลดน้อยลงและอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ยางรถยนต์เสียหาย เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง ?

อายุการใช้งานของยางนั้นมีตัวแปรที่หลากหลาย นอกจากเรื่องของลักษณะการใช้งานแล้วก็ยังมีอีกหลายสาเหตุที่มีส่วนทำให้ยางรถยนต์เกิดการเสียหาย หรือเสื่อมสภาพ 

-สภาพถนน 

การขับรถในสภาพถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ถนนลูกรัง หรือถนนที่อยู่ในระหว่างซ่อมแซม รวมไปถึงเส้นทางลาดชัน หรือทางขึ้นเขาที่มีความวกวน ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยางรถยนต์ของคุณเสียหาย และเสื่อมสภาพเร็วกว่าการขับบนทางเรียบ ผิวทางไม่ขรุขระ และไม่มีสิ่งกีดขวาง

-สถาพอากาศ

อากาศที่ร้อนจัด หรือหนาวเกินไปก็มีผลต่อการเสื่อมสภาพของยางเช่นกัน เช่น เมืองไทยในวันที่อากาศร้อนจัด หรือการจอดรถท่ามกลางแดดเปรี้ยงเป็นเวลานาน ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ยางรถยนต์ของคุณเสียหายได้ง่ายขึ้น 

-วิธีการขับขี่

ผู้ใช้รถหลายคนนั้นมีวิธีขับขี่ที่อาจทำร้ายยางรถยนต์แบบไม่รู้ตัว เช่น การออกตัวแรง หรือออกตัวด้วยความเร็วสูง การเบรกกะทันหัน การหักเลี้ยวแบบไม่ชะลอความเร็ว เป็นต้น ซึ่งลักษณะการขับขี่เช่นนี้จะทำให้อายุการใช้งานของยางรถยนต์สั้นลงกว่าที่ควรจะเป็น

-บรรทุกของหนัก

ยางรถยนต์นั้นทำหน้าที่ในการรับน้ำหนักของรถ

ดังนั้นถ้าเราขนของ หรือบรรทุกของที่หนักจนเกินไป ก็จะเป็นการเพิ่มภาระให้ยางรถยนต์โดยตรง นั่นจึงเป็นเหตุผลทำให้ยางเสียหาย หรือสึกหรอเรเร็วยิ่งขึ้น

-ความดันลมยางที่ไม่เหมาะสม

การเติมลมยางด้วยความดันที่ไม่เหมาะสมนั้นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้ยางเสื่อมสภาพ​ สึกเร็วขึ้​น​ หรือทำให้ยางไม่เรียบเสมอได้​ ซึ่งโดยปกติแล้วรถยนต์แต่ละรุ่น จะมีการระบุความดันที่เหมาะสมสำหรับลมยางสำหรับทั้งล้อหน้าและล้อหลังไว้อยู่แล้ว 

เพราะการเติมลมยางด้วยความดันที่เหมาะสมนั้นนอกจากจะช่วยรักษาสภาพยางรถยนต์​ ยังช่วยในเรื่องของการกระจายน้ำหนัก​ การยึดเกาะถนน​ การเร่งความเร็ว​ และการเบรกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

สรุป

ยางรถยนต์นั้นเป็นชิ้นส่วนที่มีความสำคัญมากกับรถทุกประเภท ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ผู้ใช้งานจึงควรใส่ใจในการเปลี่ยนยางรถยนต์ก็คือความปลอดภัย ดังนั้น เราจึงควรตรวจสอบสภาพยางภายนอกอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่ายางของเราอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ด้วยตัวเอง

หากคุณประสบปัญหาเกี่ยวกับยาง ต้องการเปลี่ยนยางนอกสถานที่หรือสอบถามเรื่องยางรถยนต์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

สาขาสุขุมวิท 91 : 02-331-9911

Line: @kc4418

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/rghdgbMLHwgX2tHQA

สาขาอุดมสุข (K.Charoen Cockpit): 02-393-3356

Line: @kcockpit 

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/8biZzcos5fKN26h98

โดยคุณสามารถอ่านรายละเอียดสินค้าและการบริการต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ ก.เจริญยางยนต์

0 Comments

ใส่ความเห็น


ให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ

เราพร้อมบริการและให้คำแนะนำคุณ
ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 35 ปี

© 2009 - 2017 K.Charoenyangyont Co., Ltd. & Mink & Seen Co., Ltd.