รู้จักกับยางรถยนต์ ชิ้นส่วนสำคัญที่ทำให้รถของคุณสมบูรณ์แบบ

ยางรถยนต์

รู้จักกับยางรถยนต์ ชิ้นส่วนสำคัญที่ทำให้รถของคุณสมบูรณ์แบบ

ยางรถยนต์ คือ ชิ้นส่วนที่จะต้องสัมผัสกับผิวถนนตลอดเวลา ดังนั้นผู้ใช้รถจึงจำเป็นต้องทำความรู้จักกับชิ้นส่วนสำคัญ​นี้​ เพื่อจะได้เลือกใช้ยางให้เหมาะสมกับตัวรถรวมถึงลักษณะการใช้งาน ซึ่งหมายถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดของตัวคุณเอง

ในบทความนี้จะพาคุณมารู้จักกับยางรถยนต์แบบลงลึกกันมากขึ้น ลองมาดูกันดีกว่าว่า​ ในยาง​ 1 เส้นนั้นมีอะไรบ้างที่เราควรรู้

ยางรถยนต์​มีกี่ประเภท​

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักประเภทของยางรถยนต์กันก่อน ซึ่งยางรถยนต์นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ Highway Terrain, All Terrain และ Mud Terrain 

โดยยางแต่ละประเภทนั้นจะมีความแตกต่างกันตรงดอกยาง ซึ่งเราควรเลือกใช้งานให้เหมาะสม

1. Highway Terrain

ยางรถประเภท Highway Terrain หรือ H/T  เป็นยางมาตรฐานสำหรับรถใหม่ โดยยางลักษณะนี้จะมี ดอกยางเป็นแนวยาวไปตามเส้นรอบวงของยาง เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป การวิ่งในเมืองหรือการวิ่งในทางเรียบ จึงเป็นยางที่มีคนนิยมใช้มากที่สุด

2. All Terrain

ยางรถประเภท All Terrain หรือ A/T นั้นเป็นยางรถยนต์ที่รถกระบะนิยมใช้ เนื่องจาก​ยางชนิดนี้มีโครงสร้างที่แข็งแรง ส่วนดอกยางก็มีขนาดใหญ่และหนา สามารถสัมผัสถนนได้ดี จึงสามารถวิ่งบนทางขรุขระได้ดีกว่ายางประเภทแรก

3. Mud Terrain

ใครขับรถสายลุย หรือรถประเภทออฟโรด ต้องใช้ยางรถประเภท Mud Terrain หรือ​ M/T เพราะนอกจากจะมีโครงสร้างที่แข็งแรงกว่ายางสองประเภทแรกแล้ว ตัวลักษณะดอกยาง ยังมีประสิทธิภาพสูง แก้มยางมีความทนทาน เหมาะกับการขับขี่บนทางที่มีความขรุขระ มีหิน โคลน เป็นทางที่มีความทุรกันดาร กรือมีอุปสรรคในการขับขี่มากกว่าปกติ

ยางรถยนต์

โครงสร้างพื้นฐานของยางรถยนต์

หลังจากที่เรารู้แล้วว่ายางรถยนต์​นั้นมีกี่ประเภท​ เราลองมาเจาะลึกลงไปอีกนิดดีกว่าว่า​โครงสร้างพื้นฐานของยางรถยนต์แต่ละเส้นนั้นประกอบ​ด้วย​อะไร​บ้าง​

โครงสร้างพื้นฐานของยางรถยนต์ประกอบออกเป็น 6 ส่วน ได้แก่

-หน้ายาง (Tread)

หน้ายาง อยู่บริเวณด้านนอกสุดของยัง จะเป็นส่วนที่สัมผัสผิวถนนมากที่สุดทำหน้าที่ในการยึดเกาะถนน และป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมอื่นใดมาทำอันตรายต่อตัวโครงยาง 

โดยหน้ายางนั้นจะประกอบไปด้วย ดอกยางที่ ทำหน้าที่ในการยึดเกาะถนนและร่องยางสำหรับการระบายน้ำหรือโคลน 

-ไหล่ยาง (Shoulder)

ไหล่ยางนั้นเป็นบริเวณ ที่เชื่อมต่อกันระหว่างหน้ายางและแก้มยาง ในส่วนนี้จะมีเนื้อยางที่หนาเพื่อป้องกันอันตรายต่อโครงยาง ปกติแล้วตัวไหล่ยางจะถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นร่องเพื่อให้สามารถระบายความร้อนได้ง่าย

-แก้มยาง (Sidewall)

แก้มอย่างนี้เป็นส่วนที่มีความยืดหยุ่นสูง อยู่บริเวณด้านนอกสุดของยางรถยนต์แต่เป็นส่วนที่ไม่ได้สัมผัสกับพื้นถนน โดยมีหน้าที่ในการป้องกันอันตรายของโครงยางเช่นกัน

-โครงยาง (Carcass)

โครงยางเป็นส่วนประกอบหลักและเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของยาง มีหน้าที่ในการรองรับแรงกระแทกหรือการสั่นสะเทือนจากการขับขี่ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ในการรักษาความดันลมยางเพื่อให้ยางสามารถรับน้ำหนักได้ดีอีกด้วย

-ผ้าใบเสริมหน้ายาง หรือ เข็มขัดรัดหน้ายาง (Breaker or Belt) 

ชั้นผ้าใบเสริมหน้ายาง หรือ เข็มขัดรัดหน้ายางนี้เป็นชั้นที่อยู่ระหว่างหน้ายางและโครงยาง ทำหน้าที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหน้ายาง ให้รองรับแรงกระแทกได้มากขึ้น รวมถึงช่วยป้องกันไม่ให้โครงยางชำรุดเสียหาย

-สะพานยาง (tread wear) 

สะพานยาง​ คือปุ่มที่อยู​่ในร่องดอกยาง​บริเวณหน้ายางรถ เป็นจุดที่เอาไว้ใช้สำหรับอ้างอิงว่า ยางเส้นนั้นสึกหรอไปมากน้อยแค่ไหน​ ซึ่งถ้าดอกยางสึกไปจนถึงสะพานยางเมื่อไหร่นั่นก็สามารถอนุมานได้ว่าถึงเวลาที่เราควรเปลี่ยนยางเส้นนั้นได้แล้ว

-ขอบยาง (Bead)

ในตัวของขอบยางนั้นจะประกอบไปด้วยเส้นลวดเหล็กกล้า ทำหน้าที่ในการช่วยยึดส่วนปลายทั้ง 2 ข้างของโครงยางไว้ เพื่อให้ขอบยางแข็งแรง และยึดแน่นกับกระทะล้อได้ดี อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการช่วยป้องกันลมยางรั่วซึมในกรณีของรถที่ไม่ใช้ยางในด้วย

 

ตัวอย่างดอกยาง

วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุอยู่ตรงไหน​

เราสามารถดูอายุของยางรถยนต์ได้ง่ายๆ จากวันที่ผลิตยางตรงบริเวณแก้มยางด้านนอก ซึ่งตัวเลขนี้นั้นเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยจะบอกทั้งสัปดาห์และปีที่ผลิตด้วยรหัส 4 ตัว (WWYY) 

สำหรับตัวเลข 2 หลักด้านหน้านั้นจะหมายถึงสัปดาห์ที่ยางเส้นนั้นถูกผลิต ส่วนตัวเลข 2 หลักด้านหลังหมายถึงปีที่ยางถูกผลิตขึ้นนั่นเอง เช่น 10/20 ก็หมายถึงยางเส้นนี้ถูกผลิตขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2020 นั่นเอง

โดยปกติแล้วยางจะมีอายุการเก็บรักษาโดยเฉลี่ยเป็นเวลา 5 ปี ส่วนยางใหม่จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ  50,000 กิโลเมตร หรือมีอายุการใช้งานทุก ๆ 3-5 ปี 

แต่ในความเป็นจริงแล้วแม้จะเป็นยางปีเก่าเก็บ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายางจะเสื่อมสภาพ จากผลงานวิจัยพบว่ายางที่มีอายุ​ 3 ปี ก็ยังใช้ได้อยู่โดยไม่ทำให้การขับขี่อันตราย เพราะปัจจัยที่แท้จริงของการเสื่อมสภาพของยางนั้นขึ้นอยู่กับวิธีการจัดเก็บมากกว่า หากคุณเก็บยางไว้ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม หรือปล่อยให้ยางโดนแดดอยู่เสมอ ก็มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น 

สรุป

ยางรถยนต์นั้นเป็นส่วนสำคัญของรถทุกคัน ดังนั้นเจ้าของรถจึงไม่ควรมองข้าม ต้องศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อควรรู้และองค์ประกอบต่างๆ ของยางรถยนต์ เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างไหลลื่น ปลอดภัย ไม่มีสะดุด

หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยางรถยนต์ ประสบปัญหาเกี่ยวกับยาง หรือต้องการยางรถยนต์คุณภาพที่เหมาะกับรถของคุณที่สุดสามารถติดต่อเราได้ผ่านทาง

สาขาสุขุมวิท 91 : 02-331-9911

Line: @kc4418

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/rghdgbMLHwgX2tHQA

สาขาอุดมสุข (K.Charoen Cockpit): 02-393-3356

Line: @kcockpit 

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/8biZzcos5fKN26h98

โดยคุณสามารถอ่านรายละเอียดสินค้าและการบริการต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ ก.เจริญยางยนต์

 

0 Comments

ใส่ความเห็น


ให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ

เราพร้อมบริการและให้คำแนะนำคุณ
ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 35 ปี

© 2009 - 2017 K.Charoenyangyont Co., Ltd. & Mink & Seen Co., Ltd.