[อธิบาย] สัญลักษณ์หน้าปัดรถมาตรฐานบอกอะไรเราบ้าง
สำหรับคนที่ขับรถอยู่เป็นประจำคงจะคุ้นเคยกับสัญลักษณ์ต่างๆ บนหน้าปัดรถยนต์กันอยู่แล้ว แต่ก็เชื่อเหลือเกินว่ายังมีอีกหลายคนที่ขับขี่โดยไม่เข้าใจ และไม่รู้ว่าสัญลักษณ์เหล่านี้หมายถึงอะไร
วันนี้ ก.เจริญยางยนต์และ ก.เจริญค็อกพิท รวบรวมเอาสัญลักษณ์หน้าปัดรถยนต์มาให้ได้ดูและเรียนรู้ไปพร้อมกัน แต่ละสัญลักษณ์นั้นคืออะไรและมีความสำคัญอย่างไรบ้าง ติดตามอ่านได้ในบทความนี้
สัญลักษณ์หน้าปัดรถยนต์นั้นสำคัญอย่างไร?
สัญญาณหน้าปัดรถยนต์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยเตือนให้ผู้ขับขี่รับรู้ถึงความผิดปกติของเครื่องยนต์ในระบบต่างๆ ว่าส่วนไหนกำลังเกิดปัญหาอะไร เพื่อให้เจ้าของรถสามารถตรวจสอบและแก้ไขความผิดปกติเหล่านั้นได้อย่างทันท่วงที
โดยปกติแล้วไฟสถานะต่างๆ บนแผงหน้าปัดรถยนต์จะถูกแบ่งออกเป็น 4 สี เพื่อบอกสถานะของระบบต่างๆ ดังนี้
- สีเขียว - บอกสถานะการทำงานตามปกติ หรือบอกว่ามีระบบใดกำลังทำงานอยู่บ้าง
- สีน้ำเงิน - เป็นการบอกสถานะการใช้งานปกติเช่นกัน แต่เป็นระบบที่เราสามารถควบคุมเองได้ ไม่ใช่การตั้งค่าจากโรงงาน
- สีเหลือง - เป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ขับขี่ตรวจสอบระบบนั้นๆ แต่ยังสามารถใช้งานได้อยู่ โดยอาจจะต้องตรวจเช็กในภายหลัง
- สีแดง - เป็นสัญญาณเตือนว่าระบบนั้นกำลังเกิดปัญหา ควรหยุดใช้งาน และรีบตรวจสอบทันที
10 สัญลักษณ์หน้าปัดรถยนต์ รู้ไว้ ขับขี่ปลอดภัยแน่นอน
เราลองมาดูกันว่าสัญลักษณ์บนหน้าปัดรถเหล่านี้นั้นคืออะไร สำคัญแค่ไหน และเป็นสัญลักษณ์ที่บอกอะไรเราบ้าง
1.สัญลักษณ์แบตเตอรี่
โดยปกติแล้วเวลาสตาร์ทรถใหม่ๆ คุณอาจสังเกตเห็นว่ามีไฟรูปแบตเตอรี่แสดงขึ้นบนแผงหน้าปัดรถยนต์ แต่สักครู่ก็หายไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ นั่นเป็นเพราะคุณอยู่ในที่โล่งมีแสงมากซึ่งเป็นเรื่องปกติ
แต่หากสัญลักษณ์รูปแบตเตอรี่แสดงขึ้นบนหน้าปัดรถยนต์และโชว์ค้างอยู่ตลอดขณะขับขี่ นั่นแสดงว่าแบตเตอรี่ของคุณกำลังมีปัญหา ซึ่งอาจเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ โดยอาจเกิดจากสายไฟของแบตเตอรี่หลวม สึกกร่อน หรือมีปัญหาในการเดินสายไฟที่ผิดพลาดจนทำให้เกิดปัญหากับระบบชาร์จไฟฟ้าของรถยนต์ อีกสาเหตุหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ก็คือปัญหาเกี่ยวกับตัวควบคุมแรงดันไฟฟ้าขัดข้อง เซลล์หรือแผ่นธาตุภายในแบตเตอรี่เกิดการชำรุดก็เป็นได้
2.สัญลักษณ์ระบบล็อกล้ออัตโนมัติ
สัญลักษณ์ระบบล็อกล้ออัตโนมัติหรือสัญญาณเตือนระบบ ABS คือระบบป้องกันการล็อกล้อของเบรก ซึ่งระบบล็อกล้อนั้นเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ล็อกล้ออย่างน้อยหนึ่งล้อเพื่อป้องกันไม่ให้ล้อหมุนและทำให้สูญเสียการควบคุม
เมื่อไหร่ที่ไฟสัญลักษณ์ ABS นี้แสดงขึ้นมาบนหน้าปัดรถขณะขับขี่ แนะนำว่าให้รีบนำเข้าศูนย์บริการจะดีกว่า ระบบนี้เป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการขับขี่โดยตรง เพราะถึงแม้ระบบเบรกจะสามารถใช้งานได้อยู่ แต่เมื่อมีการเบรกกระทันหันระบบล็อกล้ออัตโนมัติอาจจะไม่ทำงานนั่นเอง
3.สัญลักษณ์ระบบถุงลมนิรภัย
ถุงลมนิรภัยอาจจะเป็นระบบที่เราไม่ค่อยได้ใช้งานนักในเวลาปกติ แต่เป็นระบบที่จำเป็นและสำคัญมากในการช่วยชีวิตเมื่อเวลาเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง
การที่ไฟเตือนถุงลมนิรภัยแสดงขึ้นบนหน้าปัด นั่นอาจจะประกอบไปด้วยสาเหตุหลักๆ 2 สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือถุงลมนิรภัยบริเวณที่นั่งคนขับหรือผู้โดยสารไม่ทำงานหรือมีข้อบกพร่อง ส่วนสาเหตุถัดมาก็คือคุณอาจจะลืมคาดเข็มขัดนิรภัย
ซึ่งถ้าเป็นสาเหตุแรกนั้นอย่าได้นิ่งนอนใจ สะดวกเมื่อไหร่ก็ควรรีบนำรถเข้าตรวจเช็กให้เร็วที่สุด เพราะหากรถประสบอุบัติเหตุและไม่มีถุงลมนิรภัยที่ใช้งานได้ ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารอาจถึงแก่ชีวิตได้
4.สัญลักษณ์อุณหภูมิเครื่องยนต์
สัญลักษณ์อุณหภูมิเครื่องยนต์เป็นรูปคล้ายกับเทอร์โมมิเตอร์ เมื่อไหร่ก็ตามที่สัญลักษณ์ขึ้นแสดงแจ้งเตือนเป็นสีแดง นั่นหมายความว่าเครื่องยนต์ของคุณมีอุณหภูมิที่สูงมากเกินไป หรือระบบระบายความร้อนกำลังมีปัญหา ถ้าปล่อยไว้หรือฝืนขับต่อไปอาจจะทำให้เครื่องยนต์เสียหาย จนไม่สามารถขับต่อได้คำแนะนำก็คือให้จอดรถและรีบดับเครื่องยนต์ทันที แล้วรอจนกว่าเครื่องยนต์จะเย็นลง จากนั้นจึงค่อย
เช็กระดับน้ำในหม้อน้ำ และเช็กดูสัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้ารถอีกครั้งว่าอยู่ในระดับปกติ แล้วจึงค่อยขับต่อ
5.สัญลักษณ์ระบบป้องกันการลื่นไถล
สัญลักษณ์นี้จะเป็นรูปรถกับเส้นทางถนนที่คดเคี้ยว ซึ่งไฟเตือนการควบคุมการทรงตัวนั้น เป็นระบบป้องกันการลื่นไถลของตัวรถ โดยปกติแล้วระบบนี้จะไม่ทำงาน หากเราขับบนพื้นผิวถนนทั่วไป แต่หากเป็นพื้นถนนที่ลื่น หรือเปียกเป็นพิเศษ สัญลักษณ์นี้จะกระพริบขึ้นเตือนบนหน้าปัดรถ เพื่อแสดงให้ผู้ขับขี่ทราบว่าระบบกำลังทำงาน เพื่อช่วยให้รถทรงตัวได้เป็นปกติ และลดการลื่นไถลของตัวรถในขณะที่กำลังขับขี่อยู่
6.สัญลักษณ์ระบบพวงมาลัย
พวงมาลัยที่สามารถควบคุมทิศทางของรถได้ ถ้าบนแผงหน้าปัดของคุณมีสัญลักษณ์เป็นรูปพวงมาลัยแล้วมีเครื่องหมายตกใจอยู่ข้างๆ แสดงเป็นไฟสีแดงเตือนขึ้นมา แสดงว่าระบบพวงมาลัยของคุณกำลังเกิดเหตุขัดข้องขึ้น ซึ่งสัญลักษณ์ระบบพวงมาลัยนี้จะมีเฉพาะในที่ใช้พวงมาลัยไฟฟ้าระบบ EPS เท่านั้น
โดยปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้คุณรู้สึกในขณะขับขี่ได้ทันทีเลยว่า พวงมาลัยของคุณจะมีน้ำหนักมากขึ้น หน่วงขึ้น และเลี้ยวยากขึ้นกว่าปกติ สิ่งที่ต้องทำคือต้องค่อยๆ ประคับประคองรถ และขับอย่างระมัดระวัง เพื่อเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการทันที
7.สัญลักษณ์เตือนลมยางอ่อน
ระบบตรวจสอบความดันลมยาง หรือสัญลักษณ์ไฟเตือนลมยางจะปรากฏขึ้นเพื่อแจ้งเตือนว่าความดันลมยางของรถคุณนั้นต่ำกว่ากำหนด ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้การขับขี่รถยนต์ไม่ปลอดภัย เพราะหากเราขับขี่ในขณะที่ลมยางอ่อนมากๆ แก้มยางก็ยิ่งเสียดสีกับพื้นถนนจนบิดตัวเกิดความร้อนมากขึ้น ทำให้แรงดันในลมยางขยาย และมีความเสี่ยงที่ยางจะระเบิดได้
ดังนั้นเมื่อผู้ขับขี่เห็นสัญญาณแจ้งเตือนลมยางอ่อนแล้ว ก็ควรรีบตรวจเช็กว่ายางมีความเสียหายหรือยางรั่วหรือไม่ และแวะเติมลมยางให้อยู่ในระดับปกติ ก่อนจะขับต่ออีกครั้ง
8.สัญลักษณ์น้ำมันเครื่อง
สัญลักษณ์รูปกาน้ำมันเครื่องจะขึ้นแสดงเตือน ต่อเมื่อน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับต่ำ ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบเพื่อเติมน้ำมันเครื่องให้อยู่ในระดับปกติ
แต่หากเติมน้ำมันเครื่องแล้วสัญลักษณ์นี้ยังไม่หายไป ควรนำรถเข้าศูนย์บริการทันทีเพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจดูอีกครั้ง เพราะอุปกรณ์อาจเสื่อมสภาพการใช้งานจนเกิดการรั่วซึมได้
9.สัญลักษณ์เตือนน้ำมันหมด
ไม่ว่าใครที่ขับรถเชื่อว่าต้องคุ้นเคยกับสัญลักษณ์นี้อย่างแน่นอน เมื่อเห็นสัญลักษณ์รูปเหมือนหัวจ่ายถังน้ำมันขึ้นเตือนเป็นสีเหลือง นั่นก็หมายความว่าน้ำมันเชื้อเพลิงของคุณใกล้หมด หรือเหลือเพียงประมาณ 10% ของถังเท่านั้น
แม้ว่าการขึ้นสัญญาณเตือนสีเหลือง จะทำให้เรายังสามารถขับต่อไปได้อีกสักระยะ แต่ก็อย่าชะล่าใจ ควรรีบหาปั๊มน้ำมันแล้วเติมน้ำมันโดยด่วน
10.สัญลักษณ์เตือนเบรกมือ
เบรกมือเป็นกลไกสำคัญในรถยนต์ เพราะสามารถหยุดล้อรถไม่ให้หมุนและช่วยให้รถหยุดนิ่ง ซึ่งเวลาที่เราใช้งานเบรกมืออยู่ ก็จะมีสัญลักษณ์อักษรตัว P หรือเครื่องหมายตกใจขึ้นเตือนเป็นสีแดง เพื่อเตือนผู้ใช้งานว่าในขณะนี้เบรกมือถูกดึงขึ้นอยู่ และสัญลักษณ์นี้จะหายไปก็ต่อเมื่อเราเอาเบรกมือลงนั่นเอง
ทั้งหมดนี้เป็นพื้นฐานของสัญลักษณ์หน้าปัดรถมาตรฐานที่ผู้ใช้งานรถยนต์ควรศึกษา ทำความเข้าใจ และหมั่นสังเกตสัญลักษณ์เหล่านี้ทุกครั้งที่ใช้งาน เมื่อเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือความผิดปกติขึ้นกับรถของเรา จะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที
สำหรับลูกค้าท่านไหนที่ต้องการปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับรถยนต์ สามารถนำรถเข้ามารับบริการได้ทั้งที่
ก.เจริญยางยนต์ และ ก.เจริญค็อกพิท เราพร้อมให้บริการด้วยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ และสถานที่พักคอยที่สะอาด สบาย ไม่แออัด ไว้คอยรับรองลูกค้าให้ได้รับความสะดวกในการเข้ารับบริการมากที่สุด
สามารถเข้ารับบริการ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สาขาสุขุมวิท 91 : 02-331-9911
Line: @kc4418
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/rghdgbMLHwgX2tHQA
สาขาอุดมสุข (K.Charoen Cockpit): 02-393-3356
Line: @kcockpit
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/8biZzcos5fKN26h98
โดยคุณสามารถอ่านรายละเอียดสินค้าและการบริการต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ ร้านยาง ก.เจริญยางยนต์
0 Comments