การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร คนรักรถควรรู้
จากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในปัจจุบัน ทำให้หลายประเทศเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ทั้งภาครัฐ เอกชน และครัวเรือน โดยการคมนาคมก็เป็นหนึ่งในต้นตอของปัญหาที่สร้างมลพิษทางอากาศ ผู้ให้ผลิตรถยนต์จึงใช้เทคโนโลยีทันสมัย เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) โดยมีเป้าหมาย เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ และแก้ปัญหามลภาวะให้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งในประเทศไทยเริ่มมีการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้มากขึ้น วันนี้เราจะมาแชร์วิธีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าว่ามีกี่แบบ? แตกต่างกันอย่างไรบ้าง? พร้อมแนะนำสิ่งที่คนใช้รถยนต์ไฟฟ้าต้องรู้ เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่
การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท
การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 Mode ตามประเภทของอุปกรณ์และกระแสไฟฟ้าที่ใช้ ดังนี้
การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Mode 1
สำหรับ Mode 1 จะเป็นการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วยการเสียบจากเต้ารับไฟฟ้าในบ้าน ซึ่งเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternating Current: AC) เข้าไปยัง On board charger ในตัวรถโดยตรง และแปลงกระแสไฟฟ้า AC ให้เป็นกระแสไฟฟ้าตรง เพื่อทำการจ่ายไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ โดยไม่มีอุปกรณ์ที่ช่วยรักษาความปลอดภัย ทำให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารูปแบบนี้ไม่สามารถควบคุมและป้องกันกระแสไฟรั่วได้ บริษัทผู้ผลิตรถ EV จึงไม่แนะนำการชาร์จใน Mode 1
การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Mode 2
Mode 2 เป็นการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วยการเสียบชาร์จจากเต้ารับไฟฟ้าในบ้านเช่นเดียวกับ Mode 1 แต่จะมีอุปกรณ์ที่ช่วยควบคุมกระแสไฟฟ้าอย่าง In Cable Control Box ติดตั้งอยู่ในสายเคเบิลทำให้ โดยปัจจุบันกำหนดไม่เกิน 10-16A เท่านั้น ทำให้ใช้เวลาชาร์จค่อนข้างนาน แต่มีความปลอดภัยมากกว่า Mode 1 ซึ่งปกติแล้วผู้จำหน่ายรถ EV จะแถมอุปกรณ์นี้มาด้วย โดยเรียกว่า “Emergency Charge” ที่เอาไว้เสียบชาร์จในกรณีจำเป็น เช่น แบตเตอรี่หมดระหว่างเดินทาง โดยห้ามเสียบชาร์จไว้นานเกินไปเพราะอาจเกิดอันตรายจากความร้อนของสายไฟและเต้ารับ
การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Mode 3
Mode 3 เป็นการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ด้วย EV Charger แบบ Wallbox เป็นรูปแบบที่การไฟฟ้าทั้งไทยและต่างประเทศแนะนำสำหรับการชาร์จที่บ้าน เชื่อมต่อกับแหล่งกระแสไฟฟ้า AC ที่ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันและควบคุมไฟฟ้า โดยมีชื่อเรียกว่า “AC Fast Charging” รองรับกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 32A ทำให้ชาร์จได้ไวกว่า Emergency Charge ประมาณ 2-10 เท่า (ขึ้นอยู่กับรุ่นของ EV Charger และ On-board charger ภายในรถยนต์ไฟฟ้า) และมีระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม ทำให้ปลอดภัยต่อการใช้งาน สามารถชาร์จได้เป็นประจำทุกวัน
การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Mode 4
และการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Mode 4 ซึ่งเป็นรูปแบบที่ชาร์จที่พัฒนามาจากระบบ AC โดยใช้ระบบไฟฟ้ากระแสตรง (Direct Current: DC) ที่เสียบชาร์จผ่านเข้าสู่แบตเตอรี่โดยตรง แบบไม่ต้องพึ่ง On board charger ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จไม่ถึง 1 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับรุ่นของรถ EV และขนาดแบตเตอรี่) ด้วยประสิทธิภาพทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Mode 4 มีราคาสูง จึงไม่นิยมติดตั้งในบ้าน แต่จะพบเจอตามสถานีชาร์จ หรือปั๊มน้ำมัน เป็นต้น
การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกต้อง ควรทำอย่างไร
ในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้ถูกวิธี เป็นข้อปฏิบัติที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ช่วยให้การทำงานของรถ EV ไม่ติดขัด หรือเกิดปัญหาตามมา และนี่คือวิธีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ควรปฏิบัติตาม
1. ห้ามปล่อยให้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเหลือ 0%
ควรรักษาเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ไว้ที่ 20% แล้วทำการชาร์จ เพราะหากปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยง ถึงจะทำการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ก็ทำให้แบตเตอรี่ร้อนและทำงานหนัก ซึ่งส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ในที่สุด
2. หลีกเลี่ยงการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100%
จากผลการทดลองพบว่าการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสม ควรมีแบตเตอรี่อยู่ในช่วง 80%-90% เพื่อให้ระบบเบรกเพื่อชาร์จไฟ (Regenerative braking) สามารถกักเก็บ ‘พลังงานจลน์’ บางส่วนไว้ให้แบตเตอรี่ และนำกลับมาใช้งานได้ทันทีเมื่อเร่งความเร็ว ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่มากกว่ากาาร์จเต็ม 100%
3. ไม่ควรชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ
ในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นกระบวนการจ่ายกระแสไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ จึงไม่ควรชาร์จในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง เพราะจะทำให้ให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ถดถอยลงและเสื่อมไปในที่สุด รวมถึงไม่ควรจอดรถยนต์ไฟฟ้าในที่ที่แดดจัดอีกด้วย
4. หลีกเลี่ยงการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วยระบบ DC บ่อย ๆ
ถึงแม้การชาร์ตรถยนต์ไฟฟ้าด้วยระบบ DC จะมีความสะดวก ปลอดภัย และไม่ต้องเสียเวลาในการชาร์จนาน แต่การที่ชาร์จเต็มในเวลารวดเร็ว ก็ทำให้แบตเตอรี่ต้องทำงานหนักและร้อนเช่นกัน จึงควรหลีกเลี่ยงการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วยระบบ DC และชาร์จในเวลาจำเป็นเท่านั้น
สรุปการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
จากความนิยมของคนในปัจจุบันนี้ ที่หันมาใช้รถ EV กันมากขึ้น ทำให้ในอนาคต การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะมีความสะดวกสบายกว่าที่เป็นอยู่ ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งในประเทศไทยก็ดำเนินการติดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น ปั๊มน้ำมัน, ห้างสรรพสินค้า หรือที่อยู่อาศัยอย่างคอนโด เป็นต้น
สำหรับลูกค้าท่านใดที่ต้องการคำแนะนำ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับยางรถยนต์ไฟฟ้า บริการเปลี่ยนยาง หรือบริการอื่นๆ เพิ่มเติม ที่ศูนย์บริการ ก.เจริญยางยนต์ และ ก.เจริญค็อกพิท มีช่างผู้ชำนาญการไว้คอยบริการให้คำแนะนำ ตรวจเช็ก ดูแล และซ่อมแซมรถยนต์ของคุณให้พร้อมใช้งานและพร้อมลุยทุกเส้นทาง ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี สามารถติดต่อผ่านทุกช่องทางการสื่อสารของเราได้ตลอดเวลา
สาขาสุขุมวิท 91 : 02-331-9911
Line: @kc4418
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/rghdgbMLHwgX2tHQA
สาขาอุดมสุข (K.Charoen Cockpit): 02-393-3356
Line: @kcockpit
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/8biZzcos5fKN26h98
โดยคุณสามารถอ่านรายละเอียดสินค้าและการบริการต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ ร้านยาง ก.เจริญยางยนต์
0 Comments