รู้จักกับ “ผ้าเบรก” ส่วนประกอบความปลอดภัยที่ต้องมีในรถทุกคัน
“ผ้าเบรก” เป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ที่ผู้ขับขี่หลายคนมองข้ามหรือไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่จริงแล้วผ้าเบรกนั้นเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการขับขี่โดยตรง
วันนี้ ก.เจริญยางยนต์ และ ก.เจริญค็อกพิท จะพาคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับผ้าเบรกให้มากขึ้นว่าผ้าเบรกนั้นมีหน้าที่อย่างไร เมื่อไหร่ที่เราควรเปลี่ยนผ้าเบรก รวมไปถึงคำแนะนำในการเลือกผ้าเบรกให้เหมาะกับรถของคุณด้วย
“ผ้าเบรก” คืออะไร
ผ้าเบรก เป็นอะไหล่ที่ช่วยเพิ่มแรงเสียดทาน เพื่อใช้ในการลดความเร็วหรือหยุดรถ เมื่อเราขับรถและเหยียบเบรก ผ้าเบรกจะเป็นตัวดันจานเบรกเพื่อรถชะลอตัว โดยเมื่อใช้งานไประยะหนึ่งแล้ว ผ้าเบรกก็จะบางลงตามการใช้งาน
ซึ่งเมื่อไหร่ที่ผ้าเบรกบางมากๆ ก็อาจทำให้ต้องใช้แรงในการเหยียบเบรกมากขึ้น หรือในบางกรณีที่ขับมาด้วยความเร็วสูงอาจส่งผลให้ไม่สามารถห้ามล้อให้หยุดได้อย่างทันท่วงที จึงเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้
นอกจากนี้หากผ้าเบรกทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ก็อาจทำให้อะไหล่ในส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น จานเบรก และ เบรกคาลิปเปอร์ มีอายุการใช้งานที่สั้นลงเช่นกัน
ผ้าเบรกมีกี่ประเภท
เมื่อไปเปลี่ยนผ้าเบรกแล้วเจอคำถามจากช่างว่าต้องการผ้าเบรกแบบไหน แล้วถึงกับไปไม่เป็น เพราะไม่รู้เลยว่าผ้าเบรกนั้นมีกี่ประเภท แล้วแต่ละประเภทนั้นแตกต่างกันอย่างไร
ปกติแล้วผ้าเบรกที่เราใช้กันในปัจจุบันนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
Non Asbestos Organic
ผ้าเบรกประเภทนี้จะใช้เส้นใยสังเคราะห์ อย่าง เส้นใยเคฟลาร์ เส้นใยเซรามิก ยาง หรือแก้ว เป็นหลัก ที่มีข้อดีคือ ราคาไม่สูง เกิดฝุ่นน้อย เสียงไม่ดัง มีน้ำหนักเบา รวมถึงกินจานเบรกน้อยมาก แต่มีข้อจำกัดตรงที่ระบายความร้อนได้น้อย จึงทำงานได้ดีเฉพาะขณะที่ผ้าเบรกอุณหภูมิไม่สูง ผ้าเบรกชนิดนี้จึงเหมาะกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้ใช้ความเร็วสูง
Low-Metallic
ผ้าเบรกประเภทนี้เป็นผ้าเบรกที่มีเนื้อโลหะต่ำ ราคาอยู่ในระดับกลางๆ แต่มีข้อดีคือสามารถทนความร้อนได้ค่อนข้างดี รวมถึงระบายความร้อนได้ดีกว่าผ้าเบรกแบบ Non Asbestos Organic อีกทั้งยังมีระยะเบรกที่สั้นกว่า จึงเหมาะกับรถที่ใช้ความเร็ว แต่ยังต้องการความนุ่มนวลในขณะเบรก หรือรถที่ใช้งานบรรทุกของหนักๆ เช่น รถปิ๊กอัพ เป็นต้น
Semi-Metallic
เป็นผ้าเบรกเนื้อกึ่งโลหะที่ใช้ใยเหล็กมาเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน ผ้าเบรกประเภทนี้มีคุณสมบัติเด่นๆ ก็คือทนความร้อนได้ดี และสามารถระบายความร้อนได้เร็วกว่าแบบ Low-Metallic เนื้อผ้าเบรคจะหมดช้ากว่า รวมถึงระยะเบรคสั้นก็จะลงกว่าแบบ Low-Metallic เช่นกัน ดังนั้น ผ้าเบรกประเภทนี้จึงเหมาะกับรถขนาดใหญ่ อย่างรถบรรทุก รถบัส รถตู้ หรือรถที่มีการใช้งานแบบ Off-Road
Fully Metallic
สำหรับผ้าเบรกประเภทนี้จะใช้ผงเหล็กละเอียดมาอัดขึ้นรูปด้วยเทคนิค Sinter ที่ใช้แรงดันสูง และ อุณหภูมิสูงปานกลาง โดยผงเหล็กที่นำใช้นั้นจะเป็นผงเหล็กที่มีคุณสมบัติของแรงเสียดทานอยู่ในตัว จึงมีข้อดีตรงที่สามารถทนต่ออุณหภูมิการใช้งานที่สูงมากได้ ระบายความร้อนได้ดี เนื้อผ้าเบรกหมดช้า และระยะเบรกสั้น ที่ราคาแพง ฝุ่นเยอะ และควบคุมเรื่องเสียงได้ยาก เหมาะกับการขับขี่ที่ต้องการให้หยุดทันที รถที่ใช้แข่งขัน หรือรถที่ใช้ความเร็วสูง
ควรเปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อไหร่ดี
ผ้าเบรกจะมีอายุการใช้งานได้นานขนาดไหนนั้น ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และการใช้งานของผู้ขับขี่ ถ้าใช้งานเยอะ หรือมีการเหยียบเบรกบ่อยๆ ก็จะทำให้ผ้าเบรกมีโอกาสสึกเร็วยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าเมื่อเราใช้งานรถยนต์ไปเรื่อยๆ ผ้าเบรกก็ต้องหมดหรือเสื่อมไปตามการใช้งาน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่เราถึงจะควรเปลี่ยนผ้าเบรก ลองมาดูสัญญาณเตือนเหล่านี้กัน
- ออกแรงเหยียบเบรกเท่าเดิม แต่รถไม่หยุดเหมือนเคย โดยเฉพาะตอนลงเขา ลงเนิน หรือถนนลื่น
- ต้องเหยียบเบรกย้ำๆ รถถึงจะหยุด
- รู้สึกว่าพวงมาลัยสั่นเมื่อเหยียบเบรก
- มีเสียงดังผิดปกติขณะเหยียบเบรก
- มีไฟสัญญาณผ้าเบรกหมดขึ้นเตือนบริเวณหน้าปัดรถ
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกได้ถึงสัญญาณเตือนเหล่านี้ เราแนะนำว่าให้ลองเอารถยนต์เข้าตรวจเช็ก และเปลี่ยนผ้าเบรกทันที เพราะหากรอช้าอาจจะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงขึ้นได้
เลือกผ้าเบรกอย่างไรให้เหมาะกับรถคู่ใจของคุณ
สำหรับวิธีการเลือกผ้าเบรกที่ดีที่สุดนั้นคือการเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ขับขี่เอง หากคุณใช้งานทั่วไป หรือขับขี่ในเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่ ก็อาจจะเลือกผ้าเบรกเป็นประเภทเดียวกันกับของเดิมจากโรงงาน แต่ถ้าคุณใช้รถเพื่อบรรทุกของหนัก หรือเดินทางไกลตลอดเวลา ก็ควรเลือกใช้ผ้าเบรกที่สามารถทนความร้อนได้สูง ระบายความร้อนได้ดี และมีระยะเบรกที่สั้น เป็นต้น
ซึ่งที่ ก.เจริญยางยนต์ และ ก.เจริญค็อกพิทนั้น ก็มีจานเบรกคุณภาพ ได้มาตรฐาน จากแบรนด์ชั้นนำมาให้คุณเลือกเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์การขับขี่ เช่น TRW, Brembo และผ้าเบรกแท้ของรถยี่ห้อชั้นนำ เป็นต้น
โดยลูกค้าสามารถเข้ามาติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ก.เจริญยางยนต์ และ ก.เจริญค็อกพิท
สาขาสุขุมวิท 91 : 02-331-9911
Line: @kc4418
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/rghdgbMLHwgX2tHQA
สาขาอุดมสุข (K.Charoen Cockpit): 02-393-3356
Line: @kcockpit
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/8biZzcos5fKN26h98
โดยคุณสามารถอ่านรายละเอียดสินค้าและการบริการต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ ร้านยาง ก.เจริญยางยนต์
0 Comments